SweetBuns & CocoCino @Chiangmai
SweetBuns & CocoCino.“ การได้ลองทำอะไรใหม่ๆทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นเสมอ”.นั้นคือคำพูดหนึ่งของพี่นิต้าเจ้าของร้าน #SweetBuns & CocoCino บอกกับต่ายเมื่อได้คุยกันเมื่อวาน มันเหมือนเป็นคำพูดง่ายๆที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้ และยิ่งทำให้ต่ายอยากรู้เหลือเกินว่าเรื่องราวความเป็นมาของร้านนี้และอะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่นิต้าพูดมาแบบนั้น
ร้านนี้ต่ายต้องบอกก่อนว่าได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนคนหนึ่งในเพจ เขาบอกกับต่ายว่าให้ลองชิมดู เพราะขนมปังและไส้ของที่นี่เขาทำเองเลย เป็นสูตรของทางร้านไม่ได้ซื้อมาจากที่อื่น จะทำให้มีเอกลักษณ์ความนุ่มที่ไม่เหมือนใคร และเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน ต่ายก็แวะไปชิม (แบบเงียบๆ) และมันก็อร่อยจริงๆจนต้องนัดกับทางร้านว่าจะขอเข้าไปนั่งคุยด้วยได้ไหม เพราะคงมีอะไรที่น่าสนใจรออยู่แน่ๆ.SweetBuns & CocoCino มีหุ้นส่วนสองคนคือพี่นิต้าที่ดูแลส่วนของขนมปัง และ พี่หนุ่มที่ดูแลส่วนของเครื่องดื่มของร้าน (พี่หนุ่มจบบาริสต้าจากออสเตรเลีย มาพร้อมกับดีกรีแชมป์ลาเต้อาร์ทสาย skill ที่เขาบอกว่าเป็นการแข่งขันเรื่องความนิ่งของรสชาติและความสวยงามด้วยเช่นกัน เปิดสอนคอร์สบาริสต้าด้วยนะครับผม ติดตามรายละเอียดได้จากเพจ Baristaneer ครับผม)
กลับมาที่ร้าน SweetBuns & CocoCino ถ้าใครยังพอจำกันได้ เมื่อก่อนเชียงใหม่จะมีร้านปั้นเค้กฟองดองต์อยู่ร้านหนึ่งที่อยู่แถวๆหน้า มช. ชื่อร้านว่า Double C: Cookie and Coffee by Nita – ร้านนั้นแหละครับ เคยเป็นร้านของพี่นิต้าก่อนที่จะมาทำร้าน SweetBuns.พี่นิต้าเล่าให้ฟังว่าแนวคิดที่จะทำร้านขนมเกิดจากการที่ตัวพี่นิต้าเองเรียนทำขนมและชอบกินขนม ก็เลยอยากจะเปิดร้านทำขนม ตอนแรกพี่นิต้าเปิดร้านเค้กฟองดองต์ (เค้กน้ำตาลปั้น) แต่พอเปิดไปสักพัก พี่นิต้าก็เปลี่ยนมาทำธุรกิจแฟรนไชส์ที่เกี่ยวกับขนม จากการทำแฟรนไชส์พี่นิต้าก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เกือบ 10 ปี จนกลับมาทำของตัวเองอีกครั้งตอนนี้
“การที่เราเปลี่ยนมาทำตรงนี้ก็เพราะได้ประสบการณ์ ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น ถ้าตอนนั้นทำร้านกาแฟก็จะมุมมองประมาณนี้ พอไปทำธุรกิจแฟรนไชส์ที่ใหญ่ขึ้น ในความรู้สึกของเราก็ได้เห็นและมองอะไรได้ใหญ่ขึ้น พอมาทำธุรกิจตรงนี้ก็ได้รู้แล้วว่าลูกค้าที่เชียงใหม่ต้องขายยังไง”
ถัดจากนั้นพี่นิต้าเล่าว่าจากการทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการขนมมา ไลฟ์สไตล์ของคนเชียงใหม่ต้องเป็นอะไรที่กินง่ายๆ ราคาที่เข้าถึงได้ ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับไปทำเค้ก แต่ว่าเค้กเนี่ยไม่ได้กินได้ทุกวัน พี่นิต้าก็ดูมนต์นมสดแล้วก็เห็นว่าขนมปังก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ ประกอบกับได้ไอเดียจากที่เยาวราชมา ก็ไปตระเวนชิมตามร้านต่างๆที่เขาว่ากันว่าอร่อย แล้วก็ลงมือคิดไส้ ทำขนมปังชิมจนได้สัดส่วนที่ดีที่สุดเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง โดยตอนแรกก็เริ่มจากการออกอีเว้นท์แล้วก็จัดเป็นบู๊ทก็ได้รับการตอบรับดี ตอนนี้ก็เลยมาเปิดเป็นร้าน SweetBuns & CoCoCino เป็นศูนย์ใหญ่ บู๊ท SweetBuns ก็ยังมีอยู่นะ ในเชียงใหม่ตอนนี้ก็จะมีอยู่ 3 ที่ อยู่ที่แถวๆร้านบะหมี่แมนที่สันป่าข้อย อีกที่ก็ JJ แล้วก็ที่เปิดล่าสุดเลยก็ตรงหลัง มช. พี่นิต้ายังบอกมาอีกว่าอาจจะไปเปิดแถวๆหน้ามออีกร้านหนึ่ง
“ความอร่อยที่แตกต่างจากที่อื่นคือแป้ง แป้งของเราจะนุ่มกว่า ไส้จะละมุนกว่า ก่อนจะมาเป็นเมนูแต่ละเมนูเราต้องชัวร์ก่อนว่าอร่อยถึงจะออกมา แล้วด้วยความที่เราชอบกินขนมหวาน เราก็เลยรู้สึกว่าขนมเนี่ยกัดคำแรกก็ต้องรู้สึกถึงรสชาติเลย ประทับใจตั้งแต่คำแรกอะไรแบบนี้”
พี่นิต้าอธิบาย แล้วด้วยความที่วันนี้ต่ายได้สั่งขนมปังไส้มันม่วงมา จากที่เคยไปกินมาหลายๆร้านจะรู้สึกว่ามันเป็นผงๆก็เลยถามถึงวิธีการทำ พี่นิต้าก็เล่าให้ฟังว่า
“ผงในการทำไส้พวกนี้ จริงๆแล้วมีหมดเลย ผงมันม่วงผงใบเตย แต่ที่ที่นี่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผงๆแบบที่อื่นก็เพราะที่ร้านใช้มันม่วงเยอะมาก นมสดและครีม อีกอย่างที่ร้านเราจะมีไส้พิเศษเดือนละไส้ด้วยนะคะ เดือนที่ผ่านมาก็จะเป็นทิรามิสุก็ถูกใจลูกค้าอยู่นะคะ แต่ก็เป็นกลุ่มเล็กๆ แต่อย่างมันม่วงที่ทำมาตอนกันยาลูกค้าชอบก็จะยังทำอยู่”
ไส้ตอนนี้มีให้เลือกประมาณสิบกว่าไส้ ตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมกันเป็นวันๆ แต่ละสาขาก็จะมารับขนมปังและไส้ไปตามบู๊ท คุณนิต้าบอกน้องๆทุกคนว่าอย่าหวงไส้ ใส่เข้าไปเลยเยอะๆ คุณนิต้าบอกว่าไอเดียคือต้องเป็นแบบนั้น กัดแล้วได้ทั้งความนุ่มของขนมปังและความละมุนของไส้ตั้งแต่คำแรก ไม่ใช่กัดไปเจอแต่ขนมปังแล้วนี่ทำไส้เตรียมไส้ตื่นกี่โมงครับ
“จริงๆแล้ว เราเป็นคนนอนดึกเลยนะ ก็จะทำไส้ไว้ตอนกลางคืนแล้วก็ตอนเช้าก็เอามาที่ร้าน กระจายให้สาขาอื่น”
คุยกันได้สักพักพี่นิต้าก็แนะนำให้ชิม Cream Brulee ซึ่งเจ้า Cream Brulee เนี่ยเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ตัวพี่นิต้าแนะนำมา เมนูนี้จะมีขายแค่ที่ร้านที่ลานดินเท่านั้น พี่นิต้าเล่าให้ฟังว่าเมนูนี้เกิดจากที่พี่นิต้าชอบกิน Cream Brulee แล้วก็ที่ร้านเน้นขายขนมปังก็เลยลองทำเมนูนี้ขึ้นมา.“คือทั้งหมดนี้เราคิดสูตรเองทุกอย่างเลย แต่เราก็ต้องมีที่ปรึกษาที่เป็นเชฟมาช่วยชิม แล้วก็ปรับสูตรไปมาจนมาลงตัวที่ต้องรสชาติแบบนี้ ความนุ่มแบบนี้ เครมบูเร่นี่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าลูกค้าจะชอบ แต่พอลองทำปรากฏว่าลูกค้าก็ชอบก็สั่งกลับบ้านก็มีค่ะ”.ซึ่งจากที่ได้ชิมแล้วนะฮะ ก็บอกได้เลยว่าเครมบูเล่ที่เสิร์ฟบนขนมปังคือดีงาม! มีไอศรีมและสตอร์เบอร์รี่คู่ด้วย หอมกลิ่นวานิลลา กรุบกรอบกับน้ำตาลไหม้ที่บนเนื้อผิวขนมและขนมปังร้อนๆที่นุ่มๆกรุบกรับกรุบกริบ อ้อ และการจัดจานของที่ร้านสวยมากเลย
“ที่ร้านเราได้จ้างฟู้ดสไตล์ลิสต์จากกรุงเทพมาช่วยดูด้วยค่ะว่าจัดจานยังไงถึงจะสวย”
ได้ยินแล้วก็ประทับใจกับความตั้งใจของพี่นิต้าเขาเลยนะครับ แล้วต่ายก็ถามพี่นิต้าต่อว่าที่เคยทำธุรกิจแฟรนไชส์มาก่อน อยากทำให้เป็นแฟรนไชส์ไหม
“จริงๆตอนนี้ก็ทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยค่ะ ตามจุดต่างๆ ก็มีลูกค้ามาถามซื้อแฟรนไชส์ว่าขายยังไง เราขายนะคะ แต่แบรนด์ตรงนี้เราสร้างเองกลับมือ ทำเอง ไปขายเอง เราก็จะได้ฟีดแบคจากลูกค้า เช่นลูกค้าชมว่าอร่อย เอากลับไปกินก็ยังอร่อย ซึ่งพวกนี้เป็นความใส่ใจในวัตถุของเรา ว่าจะอยู่ที่กี่วันๆ ปิ้งเกรียมไปก็จะเปลี่ยนให้ลูกค้าใหม่ พอมันเป็นแบบนี้เราก็เลยค่อนข้างที่จะเลือกพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามา แล้วก็ราคาจะไม่ตั้งถูกเลยเพราะเรามองว่าถ้าเขาจะมาทำกับเรา เขาต้องมีความเต็มที่กับมันจริงๆ พูดตามตรงก็คือเราคัดคนที่จะมาทำกับเรา เพราะถ้าเกิดว่าไม่ชัวร์แล้วเอาแบรนด์เราไปเสียก็ไม่มีประโยชน์ เราไม่ได้ซีเรียสว่ามันจะต้องขายได้กำไรเท่าไหร่ๆ เราเน้นว่ามันจะอยู่ไปได้เรื่อยๆ ค่อยๆโตไปดีกว่า กลัวว่าถ้าโตเร็วไปไม่ได้รักษาคุณภาพแบรนด์ก็จะเสียไป”
อ้อและที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนอกจากร้านนี้จะมีขนมปังที่เป็นที่เลื่องลือแล้วก็ยังมีบิงซูแล้วก็ Cold Brew ซึ่งในส่วนของเครื่องดื่มนี้ก็จะมีพี่หนุ่มเป็นคนคอยดูแลมาตราฐาน ซึ่งคุณหนุ่มตอนแรกเขาเรียนวิศวะที่ มช. แต่ต่อมาก็ไปเรียนต่อเป็นบาริสต้า พี่หนุ่มบอกกับเราว่าเขาเป็นสาย Skill คือจะชงเร็ว รสชาติคงที่ สวยแล้วก็ได้มาตรฐานสากลด้วย จะอธิบายอะไรก็ต้องมีวิทยาศาสตร์รองรับ
“กาแฟจะอร่อยต้องมีสามส่วน คนชง เครื่องมือ วัตถุดิบ ซึ่งคนเขาจะให้เครติดบาริสต้า 50% อีก 50% เป็นเครื่องมือกับเมล็ด แต่ผมมองว่านะ ทั้งสามส่วนนี้สำคัญเท่ากันหมด”
เมื่อได้ยินแบบนี้ต่ายก็เลยขอลองครับ สั่งเลย ‘Cold Brew ส้มกับ ginger ale’ เพราะอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าเมนูแปลกๆนี้มันจะออกมาเป็นยังไง พี่หนุ่มชงกาแฟราดบน ice ball โดยมีน้ำส้มสดกับ ginger ale อยู่ด้านล่าง พี่หนุ่มบอกว่าให้ใช้ก้านอบเชยคนให้เข้ากันก่อนจะดื่มเพื่อรสชาติที่ดีขึ้น ต่ายยกดื่ม “เฮ้ยพี่…แม่งอร่อย!” คือมันเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ ความนุ่มของกาแฟ cold brew รวมกับความเปรี้ยวหวานของน้ำส้ม กับ ginger ale และมีกลิ่นของอบเชยปนมานิดๆ มันสดชื่นมาก หลับตาปุ๊บให้ความรู้สึกเหมือนยามสายของวันอาทิตย์ ที่เรากำลังนอนสบายๆบนโซฟาตัวโปรดกับหนังสือเล่มหนึ่ง (มาเป็นนิยายเลยนะมึง) เอาเป็นว่า…อร่อยฮะต้องลอง
แต่เนื่องจากว่าโครงการนี้จำกัดไว้ว่ากาแฟจะขายได้เฉพาะร้านของโครงการเท่านั้นเมนูที่นี่จึงจะเป็น Cold Brew กับช็อกโกแลต-โกโก้เท่านั้นซึ่ง เมนูที่ทางร้านแนะนำก็จะเป็น Iced Belgian Chocolate, Black Angels, Nutella Bomb.พี่นิต้าได้แนะนำร้านอาหารอร่อยๆให้ต่ายอีกหลายร้าน ทั้งครัวณัฐกานต์, ร้านอาหารญี่ปุ่น Goro และเชฟแดน แน่นอนว่าคงเป็นเป้าหมายต่อไปที่ต่ายต้องไปลอง.ก่อนจากกันพี่นิต้าบอกว่าตอนนี้กำลังมีเมนูใหม่ๆทยอยออกมาเรื่อยๆให้ลองมาชิมกันนะ ต่ายถึงกับทึ่งเพราะตอนนี้ก็มีเยอะมากอยู่แล้ว ทำกันทันได้ยังไง และเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ พี่นิต้าบอกว่า “พี่ตื่นมาแล้วก็รู้สึกว่า ‘วันนี้ฉันจะทำอะไรดี?’” ด้วยความที่เป็นคนแบบนี้ พี่นิต้าจึงไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาสูตรไส้ สูตรขนมปังให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อเลยครับผมว่าสิ่งที่พี่นิต้าทำอยู่ต้องมาจากใจรักจริงๆ
ใครที่กำลังหาขนมปังไส้ทะลักอร่อยๆร้านนี้ไปไม่ยากครับ ต่ายอยากแนะนำให้มาลองกันนะครับผม ตอนนี้ร้าน Sweet Buns แยกสาขาออกมาหลายสาขา สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook Fanpage ของร้านได้เลยนะครับ
Facebook Fanpage : SweetBuns
Sweet Buns สาขาปั้มปตท ระมิงค์ออย (ตรงข้ามเจ้าแม่กวนอิม) เปิด 8.00-17.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 092 643-9363
Sweet Buns สาขากาดฝรั่ง วิลเลจ เปิด 10.00 -19.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 080 561-8786