Khagee @Chiangmai
Khagee— ร้านกาแฟร้านหนึ่งชื่อ “ขจี” อยู่ตรงแถวขัวเหล็ก พวกเขาชอบมาร้านนี้มาก ถ้าต่ายมีโอกาสควรจะมานะ…ซึ่งจะบอกว่าไงดี? ต่ายตั้งใจจะมาร้านนี้หลายครั้งมากๆ หลายต่อหลายครั้งก็จะขับผ่านแล้วแบบ “เฮ้ยยย..ว่าจะแวะ” แล้วก็ผ่านไป เพราะเส้นถนนตรงนี้จอดรถค่อนข้างลำบากถ้ามาด้วยรถยนต์ แต่หลังจากฟังน้องทั้งสองเล่าต่ายก็ตั้งปณิธานว่าจะต้องมาให้ได้…
(หนึ่งเดือนผ่านไป)…และวันนี้ก็มาถึง.เป็นที่รู้กันว่าคาเฟ่ในเชียงใหม่นั้นมีความเป็นอนิจจังสูงมาก (ตั้งอยู่และดับไป) บางร้านดำเนินธุรกิจได้เพียงแค่สามเดือนก็ปิดตัวลง ค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ ต้นทุนแรงงานคน อุปกรณ์ ค่ามาเก็ตติ้ง โฆษณา สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ธุรกิจคาเฟ่นั้นเป็น red ocean ที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่ร้านขจี (KHAGEE CAFE’ natural yeast bread cafe) ที่นับมาจนถึงปัจจุบันก็อยู่คู่กับริมแม่น้ำปิงมาได้แล้ว 5 ปี แล้วอะไรกันที่ทำให้ร้านเล็กๆแห่งนี้ยังคงตั้งอยู่ตรงนี้อย่างเงียบๆ โดยไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาชิมกาแฟและขนม (ทั้งที่เป็นคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว) มักพูดเป็นเสียงเดียวกันเป็นร้านหนึ่งที่มีคาแรคเตอร์ของร้านคาเฟ่ญี่ปุ่นที่ “น้อยแต่มาก” และให้อารมณ์เหมือนเดินเข้ามูจิหน่อยๆด้วย
ร้านขจีตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงติดกับโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียนเลย ร้านนี้หาไม่ยากแต่หาที่จอดรถยากครับ แต่ปัญหาจะหมดไปถ้าใช้บริการ Busy Rabbit (การ tie-in ก็จะมาแบบนี้แหละ ) ซึ่งแน่นอนครับ โชคดีที่วันนี้ต่ายนัดกับพี่เทมส์ – ภาณุพงศ์ อภิญญากุล เจ้าของร้านขจีไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างงั้นคงหมดสิทธิ์นั่งคุยอย่างแน่นนอนเพราะลูกค้าเข้ามานั่งตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน (ต่ายไปตั้งแต่ 9 โมง, ร้านเปิด 10 โมง).พี่เทมส์จะมีความละเอียดมากในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเรียงขนมไปจนถึงเครื่องทำกาแฟ เขาจะคอยตรวจเช็คตรวจสอบความเรียบร้อยของทุกอย่างและคอยกำกับน้องๆที่ช่วยงานร้าน ซึ่งอารมณ์มันเหมือนต่ายนั่งดูสารคดีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าของร้านในเมืองเล็กๆที่มีความเป็น perfectionist จัดนู้นเรียงนี้อย่างเป็นระเบียบ รู้สึกเหมือนดูสารคดี NHK ยังไงยังงั้น
พี่เทมส์ดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ ต่ายเริ่มถามถึงที่มาของร้านและการทำธุรกิจคาเฟ่ในเชียงใหม่ แต่เดิมพี่เทมส์ไม่ใช่คนเชียงใหม่นะครับ พี่เทมส์เป็นคนจันทบุรีและมีภรรยา (คุณมิกิ) เป็นคนญี่ปุ่นจากโตเกียว ตอนแรกพี่เทมส์เรียนจบสายวิศวะ แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เขาชอบทางด้านศิลปะซะมากกว่าแล้วก็เลยไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียและที่นั้นคือที่ที่เขาเจอภรรยาของเขานั้นเอง
Q:ทำไมถึงมาตั้งร้านที่เชียงใหม่ครับ
“ก็เริ่มจากผมกับแฟนเจอกันที่ออสเตรเลียครับ ผมไปเรียนอยู่ที่นั้นแล้วทีนี้พอเรียนจบก็ต้องแยกกัน แต่เพราะรักกันเราอยากอยู่ด้วยกัน ผมก็เลยชวนเขามาอยู่ที่ไทย เราสองคนชอบคาเฟ่เหมือนกัน แล้วก็ได้มาเที่ยวที่เชียงใหม่ก็คิดอยากทำคาเฟ่ที่นี่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเชียงใหม่คาเฟ่ไม่ได้เยอะแบบนี้นะครับ อีกอย่างที่เลือกมาที่เชียงใหม่ก็เพราะว่า Life style ที่เชียงใหม่มันง่ายกว่าแล้วผมก็ชอบ Feel ต่างจังหวัดด้วย”
แล้วตอนนั้นการคุยก็พักช่วงไปแป๊บหนึ่ง ใกล้ช่วงเปิดร้านแล้ว ลูกค้าเริ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ พี่เทมส์ก็เลยขอตัวไปจัดการร้านก่อน เอาน้ำไปเสิร์ฟเอง เดินไปดูขนมหลังบ้าน ต่ายเลยมีโอกาสแอบไปเหล่ที่ตู้เบเกอรี่ (น้ำลายเริ่มไหล) มีขนมหลายอย่างเลยครับ น่ากินทั้งนั้น ซึ่งต่ายสั่งเค้กแครอท อเมริกาโน่แล้วก็ลาเต้มาชิม ตัวอเมริกาโน่ติดรสเปรี้ยวนิดนึง ส่วนลาเต้ก็ไม่ได้เข้มข้นเหมือนร้านทั่วๆไป เป็นลาเต้ที่รสเบาๆมีความมันแต่ไม่หวาน และที่นี่จะไม่เติมน้ำตาลมาเพราะนมที่ร้านจะเป็นสูตรของเขาที่มีความหวานนิดๆ คือคนที่ชอบหวานก็เติมไซรัปเองได้ถ้าต้องการครับ ซึ่งทั้งสองมีความเป็นรสชาติของกาแฟญี่ปุ่นสูงเลย คือรสของกาแฟของญี่ปุ่นจะเป็นกาแฟที่เบาๆ ไม่เข้มมาก (คือถ้าใครติดกาแฟเข้มอาจจะไม่โดนนะครับ) สามารถที่จะดื่มได้ทั้งวัน เช้า บ่าย เย็น ได้ตลอด ส่วนเค้กแครอทครีมชีสอร่อยครับ รสชาติเปรี้ยวๆมันๆละมุนมาก ตัวเค้กมีกลิ่นชินนามอนแต่ไม่แรงมากดีย์เลยทีเดียว สักพักหนึ่งพี่เทมส์เดินกลับมา ต่ายก็สอบถามต่อเกี่ยวกับขนม จึงได้รู้ว่าคุณมิกิเป็นคนทำขนมเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลี้ยงยีสในแบบฉบับของตัวเองด้วย
“ของในร้านเกิดจากความชอบทานของผมและแฟนทั้งหมดเลย อย่างกาแฟผมก็เป็นคนไปลองชิมเองแล้วก็เลือกคุณภาพของกาแฟเอง เครื่องทำกาแฟต่างๆผมก็ดูแลอย่างดีพวกอุณหภูมิของเครื่อง ความสะอาดของน้ำ การกินกาแฟมันก็มีวิวัฒนาการของมันเรื่อยๆผมก็ปรับสูตร ชงตามความต้องการของลูกค้า ส่วนขนมเนี่ยแฟนผมชอบทานก็เลยทำ”
Q: Natural yeast bread นี่คือยังไงหรอครับ
“ก็คือขนมจากร้านนี้ใช้ยีสต์ที่เลี้ยงเองครับ ซึ่งมันมีข้อดีและข้อเสียของมันเองนะครับ เพราะข้อเสียของมันคือการคาดเดาได้ยาก เพราะบางครั้งอย่างหน้าร้อนใช้เวลาประมาณ 5 วันยีสต์ก็ใช้ได้ละ แต่ถ้าหน้าหนาวก็อาจจะประมาณ 10 วัน แต่ข้อดีของมันคือยีสต์ของเราจะทำรสชาติของแป้งที่ร้านมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่เหมือนร้านอื่น”
ซึ่งจากที่ต่ายได้ลองต้องบอกว่ามันมีความนุ่มมากๆ ต่ายได้ลอง Custard Bun ที่ตัวแป้งข้างนอกมีความหวานนิดๆ กัดเข้าไปคำแรกโอ๊ยยย มันนุ่ม เนียนลิ้นสุดๆ แล้วไส้คัสตาร์ดข้างในคือดีย์! หวานน้อยๆแต่มีความหอมเคล้ากับตัวแป้งนุ่มๆในปาก ชอบบบบ…(ต่ายน้อยกินคนเดียวเกือบหมดชิ้นแสดงว่าอร่อยมาก)
Q: ทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า ขจีครับ
“ก็ต้องเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับว่าร้านนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากความชอบของผมและแฟน ที่มาของชื่อร้านก็เหมือนกันไม่ได้มีความหมายที่ลึกซึ้งอะไรเลย ก็คือตอนจะทำคาเฟ่ ผมกับแฟนก็เอาชื่อญี่ปุ่น ไทย ฝรั่งมาเลือกๆกัน ผมกับแฟนก็ชอบชื่อนี้ ก็เลยตั้งชื่อร้านนี้ว่า ขจี ครับ แค่รู้สึกว่ามันโอเคและชอบทั้งคู่ ก็พอแล้วครับ”
Q:ในขณะที่ร้านคาเฟ่อื่นๆในเชียงใหม่ตั้งขึ้นมาแล้วก็ปิดตัวไป เคยคิดไหมครับว่าทำไมร้านถึงอยู่มาได้ตั้ง 5 ปี
“เวลาผมทำงานนี่ผมก็ซีเรียสในระดับหนึ่งเลย แต่ในการทำธุรกิจผมไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยาน คาเฟ่ขจีก็เป็นธุรกิจเล็กๆก็มีผมกับแฟนแล้วก็น้องที่มาช่วยงาน 4-5 คน ในการทำธุรกิจผมว่าเรื่องสำคัญเลยคือเราต้องไม่ลืมความเป็นตัวตนของเรา เราต้องมีศิลปะและใช้ความรู้สึกร่วมเข้ามาในการทำงาน ไม่ใช่แค่คิดถึงตัวเลขผลกำไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันจะช่วยตอบโจทย์ในการทำธุรกิจ ถ้าจะให้ผมแนะนำผมว่าเราต้องเข้าใจตัวเองด้วยไม่ใช่แค่กลไกการทำงานของธุรกิจ”
หลังจากที่นั่งคุยกันไปได้สักพัก พี่เทมส์ก็ขอตัวกลับไปทำงานอีกครั้ง ต่ายเองก็อิ่มท้องและได้เรียนรู้อะไรจากการพูดคุยกันเยอะมาก ต่ายสังเกตได้ว่าแนวคิดในการทำร้านของพี่เทมส์มีความเป็นญี่ปุ่นมากๆ มีความพอใจกับสิ่งที่ทำอยู่แต่ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ใช้วิธีดำเนินการเรียบง่าย ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสุข และอยากบอกใครก็ตามที่ทำธุรกิจว่ามันต้องมีตัวตนของตนเองที่ชัดเจน อย่าลืมตรงนี้ ถ้าไม่รักก็อย่าทำเพราะเราต้องอยู่กับมันตลอด พี่เทมส์บอกต่ายว่าในอนาคตอาจจะไปทำร้านเล็กๆที่ญี่ปุ่นอีกร้านหนึ่ง เพราะเขาอยากให้ภรรยาในได้ใกล้ชิดกับครอบครัวของเธอ แต่ที่นี่ก็ยังไม่ปิดนะครับ เขาก็จะไปๆกลับๆโตเกียวเชียงใหม่ แต่เขาก็บอกว่าคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นนั้นมีขั้นตอนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน (ที่นั้นเวลาก่อสร้างตึกถึงขั้นดูแสงสะท้อนของกระจกว่าจะไปรบกวนบ้านเรือนแถวนั้นรึเปล่า, อ้าปากค้าง)
ก่อนกลับต่ายได้ซื้อ Canele ของที่ร้านกลับไปกินด้วย ซึ่งน้องพนักงานได้บอกกับต่ายว่า Canele ของที่นี่ถือได้ว่าเป็น Signature ของร้านเลยก็ว่าได้เพราะเป็นสูตรเฉพาะที่คุณมิกิเป็นคนพัฒนาและปรับปรุงสูตรรสชาติไม่เหมือนที่อื่นแน่นอน ข้างนอกจะกรอบๆ ข้างในนุ่มๆเป็นคัสตาร์ดแบบเหนียวๆ ทานกับกาแฟจะอร่อยมาก
ร้านขจีเปิดให้บริการทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ถ้าใครอยากทานขนมควรมาก่อนเช้าๆหน่อยนะครับ เพราะทำจำนวนจำกัด หมดแล้วก็ต้องรอพรุ่งนี้เลย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิงแถวขัวเหล็ก ตัวร้านอยู่ฝั่งเดียวกันติดกับโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน ใครอยากมาชิมขนมปังอร่อยๆกาแฟฟีลเจแปนก็แวะเวียนมาได้ แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็เรียกต่ายได้เช่นกันครับผม
ช่องทางการติดต่อ
Facebook Fanpage : Khagee
เบอร์โทรศัพท์ : 082 975 7774
โลเคชั่น : https://goo.gl/maps/qowWx9416MCA4uz76