“เราอยากให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น” : Your Beloved Witch กับการดูดวงที่มากกว่าการทำนายอนาคต
พอพูดถึง “โหราศาสตร์” หลายคนมักตั้งการ์ดขึ้นมาทันที โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เชื่อในการลงมือทำ สิ่งที่จับต้องได้ มากกว่าพลังงานอำนาจบางอย่างอะไรที่มองไม่เห็น อาจจะเป็นการปกป้องความคิดหรือความเชื่อทางศาสนาของตัวเอง หรือแม้อคติในอดีต ประสบการณ์แย่ ๆ ที่มีต่อสิ่งที่เรียกว่าวิชาพยากรณ์ การทำนายโชคชะตา โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ปฏิเสธไม่ได้อีกว่าเรื่องความเชื่อเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมบ้านเรามาเนิ่นนาน ซึ่งมุมที่เราคุ้นเคยกันมาโดยตลอดก็คือว่ามันเป็นเรื่องลึกลับจับต้องได้ยาก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ศาสตร์เหล่านี้ก็มีการปรับตัวตามไปด้วย การดูหมอหรือดูดวงของ Your Beloved Witch จะไม่ใช่แค่การเปิดไพ่หรือดูกราฟต่างๆเท่านั้น แต่เป็นการการผสมผสานระหว่างจิตวิทยาเชิงบวก (positive psychology) ที่ช่วยหนุนให้คนที่เข้ามานั้นได้รับพลังงานที่ดีกลับไปด้วย
วันนี้ต่ายก็มีโอกาสได้คุยกับ คุณเอม สิระชา ซื่อตระกูล เจ้าของบริการพยากรณ์โชคชะตาที่หลายคนรู้จักในชื่อ Your Beloved Witch โดยวันนี้คุณเอมจะมาเล่าให้เราฟังถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่เปิดให้บริการแบบนี้ผ่านมุมมองของเขาว่าเป็นยังไงและมีอุปสรรคอะไรบ้างที่ต้องพบเจอระหว่างทาง

คุณเอมจบการศึกษามาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตร์ที่คุณเอมใช้ในการดูดวงเป็นการใช้ศาสตร์มาผสมกันระหว่างโหราศาสตร์ตะวันตก (Astrology) ไพ่ทาโรต์และไพ่ออราเคิล คุณเอมบอกกับต่ายว่าจริงๆแล้ว คุณเอมไม่ได้เรียกตัวเองว่า “หมอดูหรือแม่หมอ” เพราะไม่กล้าเคลมว่าตัวเองแม่นยำหรืออะไรอย่างนั้น เพียงแค่มีเครื่องมือที่พอจะทำนายได้ สิ่งที่เธอทำเป็นส่วนผสมของโหราศาสตร์และจิตวิทยาทางบวกที่เหมือนเป็นเพื่อนที่คอยรับฟังในวันหม่นๆ
“หมอดูก็แค่คำเรียกหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจง่ายขึ้นมากกว่าค่ะ คนที่มาดูดวงกับเอมเขาจะชอบเรียกเอมว่า Healer, Confirmer เสียมากกว่า”
ที่มาของคำว่า your beloved witch ก็มาจากคำเล่นเสียงที่คุณเอมเรียกกับเพื่อนๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงแม่มดอย่างที่เราเข้าใจ
ในสังคมไทยคนก็จะนิยมดูดวงกันเยอะ ศาสตร์ที่ใช้ก็จะมีหลายแบบไปส่วนที่เห็นเยอะๆก็จะเป็นโหราศาสตร์ไทย แต่ของคุณเอมจะเป็นการใช้โหราศาสตร์ตะวันตก คุณเอมให้เหตุผลว่าการดูดวงศาสตร์นี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมาก และโหราศาสตร์ไทยใช้ภาษาค่อนข้างเก่า การดูเดือน เวลาต่างๆ โดยส่วนตัวแล้วคุณเอมบอกต่ายว่าไม่ค่อยจะเข้าใจ ก็เลยลองมาดูศาสตร์ตะวันตกดีกว่าเพราะอย่างหนึ่งคือคุณเอมใช้ภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี แล้วกลุ่มคนรุ่นราวคราวเดียวกันก็สนใจศาสตร์ตะวันตกกันเยอะ
“ตอนแรกก็เริ่มจากการอยากรู้อยากเห็น พอเราเริ่มทำได้ก็ลองดูดวงเล่นๆ เปิดไพ่เล่นๆดู — อีกอย่างหนึ่งก็คือเอมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการดูดวงคือคนที่บ้านเอมถูกคนมาใส่ความเชื่อที่ไม่ดีบางอย่างให้ ซึ่งคนในครอบครัวเราเขาก็เชื่อไปเลย ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เขาเครียดแล้วก็ถึงกับซึมเศร้าไป จากตอนนั้นเราก็โกรธมากๆว่าเขาเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ เอมก็เลยมาทำตรงนี้เองเพื่ออย่างน้อยเราก็จะได้ป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับคนที่เรารักหรือเพื่อนสนิทเราได้”
จากการที่ศึกษาศาสตร์ด้วยตัวเองเพราะสนใจและเห็นว่าสิ่งที่ทำจะช่วยป้องกันคนรอบข้างจากการดูดวงที่อาจจะสร้างความไม่สบายใจต่อตัวเองได้ ชื่อเสียงของคุณเอมก็ค่อยๆขยายไปแบบปากต่อปากจนในที่สุด คุณเอมก็เปิดดูดวงจริงๆจังๆ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์เมื่อปีก่อน คุณเอมยังเล่าต่อด้วยว่าจริงๆแล้วทางบ้านคุณเอมก็มีคุณพ่อและคุณปู่ที่สืบทอดการดูดวงกันมาอยู่แล้ว
“ก่อนหน้านั้นก็มีดูดวงให้เพื่อนเล่นๆเป็นปกติ แล้วก็ทางฝั่งคุณพ่อกับคุณปู่เคยเป็นหมอดู และคุณแม่ก็เป็นคนชอบปฎิบัติธรรมมาอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เอมมาสายนี้ง่ายขึ้น”
แต่ในทุกๆกิจการเขาจะมีอุปสรรคและความท้าทายของอาชีพเป็นของตัวเอง อย่างการดูดวงก็เช่นกัน บางทีก็จะมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อเข้ามาหรือที่เขาเรียกกันว่า ท้าทาย ลองครู
“ท้าทายก็มีบ้างนะคะ แต่เราก็จะสัมผัสได้ค่ะว่าคนนี้เชื่อนะ ไม่เชื่อนะ บางทีเราก็ฟังจากน้ำเสียงเขาเราก็จะรู้ละ มันจะมีความรู้สึกบางอย่างออกมาเราก็จะต้องคิดละว่าจะพูดอะไร ยังไงให้เขาเชื่อมโยงกับเราได้”
“บางคนเข้ามาเราก็จะต้องใช้จิตวิทยานิดหนึ่งว่าจะต้องพูดยังไงให้เขา related ได้แล้วเขาก็จะค่อยๆเปิดใจให้เราเอง หรือถ้าเขาเข้ามาแล้วเขาไม่เชื่อเลยเอมก็จะเข้าใจและเคารพว่าความเชื่อมันเหมือนศาสนาเป็นอะไรที่เซนซิทีฟ ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด เพราะฉะนั้นถ้าอยากมาคุยกับเราก็มาคุยกับเราก็ได้ แต่ถ้าเขามาเพื่อท้าทายเอมว่าเอมก็จะไม่ค่อยใช้พลังงานคุยกับเขาเท่าไหร่ ถ้าเขามาในลักษณะที่ว่าอยากดูว่าทำไมเราเชื่อเรื่องนี้ อยากให้เราแชร์ เราก็จะคุยกันง่ายแต่ถ้ามาแบบปิดกั้นเลย มันก็จะยากนิดนึง”

กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาของคุณเอมจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าฟังจากที่คุยเอมเล่ามาก็จะเห็นเลยว่าการมาดูดวงกับคุณเอม ไม่ใช่การดูดวงแบบถามมาตอบไป เปิดไพ่ทำนายอนาคตให้จบๆ คุณเอมจะเป็นการดูดวงและพูดคุยกับลูกดวงในแง่ของการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำโดยมีเครื่องมือที่เป็นศาสตร์ในการดูดวงมาเป็นฐานในการทำความเข้าใจรายบุคคลเสียมากกว่า ตรงนี้เลยทำให้ต่ายสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วอย่างนี้ถ้าคนที่เครียดๆเข้ามาปรึกษาคุณเอม คุณเอมจะเหนื่อยไหมกับสิ่งที่ทำแล้วคุณเอมจัดการยังไง
“เหนื่อยค่ะ เหนื่อยมากในตอนแรกเอมจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย ช่วงนั้นเอมก็ยังเรียนอยู่ด้วย ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฟองน้ำเลย ตอนไปหาคนอื่นเราก็เหมือนกับฟองน้ำแห้งๆแต่พอออกมาเราก็กลายเป็นฟองน้ำเปียกแล้วเราก็พังเองทุกครั้ง ความรู้สึกแบบนั้นก็ทำให้เราอยากจะเลิกทำอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่จะเลิกก็จะมีมือยื่นเข้าช่วยให้เราลุกได้ทุกครั้ง บางทีก็เป็นการที่มีคนเดินเข้ามาพูดเรื่องพลังงานหรือวิธีการดูแลตัวเองเข้ามา จนเรารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นอะไรที่เราต้องทำ แล้วเอมก็ไปศึกษาพวก spiritual reiki chakra การนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูตัวเอง เอมก็ต้องคุยกับตัวเองค่อนข้างเยอะ เช่น การเขียน journal หรือ diary ทุกวันไม่งั้นสิ่งที่มันค้างในใจเราก็จะไปติดกับที่คนมาดูกับเราด้วย ถ้าเราไม่พร้อมก็จะมีเหมือนกับพลังงานสีดำติดไปกับเขา เราก็เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อเคลียร์จิตใจเรา — เราเป็นฟองน้ำก็ปล่อยออกบ้าง”
สำหรับคุณเอมการดูดวงเหมือนจะเป็นเรื่องรอง การเพิ่ม Positive Energy คือเรื่องหลัก
“ทุกครั้งที่คนมารีวิวให้เขาก็จะมาบอกเราว่า เขาดีใจมากๆเลย แฮปปี้มากๆเลย คุยแล้วสบายใจจังเลย คนมารีวิวก็จะประมาณนี้หมดเลยเอมก็เลย”
คนที่มาดูกับเอม เอมอาจจะไม่สามารถรับประกันได้นะว่าแม่นที่สุด ตรงที่สุดแต่มาดูกับเอมแล้วชีวิตคุณไม่มีทางแย่ลงเอมกล้าเคลมเลย
“เพราะฉะนั้นคนเลยไม่เชิงเรียกเอมว่าเป็นหมอดู เขาจะชอบเรียกเอมว่า Healer, Cofirmer เสียมากกว่า ตัวเอมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มของนักทำนายอะไรขนาดนั้น”
“หน้าที่หลักที่เอมทำก็คือเอมอยากให้คนชีวิตดีขึ้น เอมไม่อยากให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวเอมไปเจอกับหมอดูปากหมาอีกแล้ว นั้นคือเป้าหมายหลักเลยที่เอมทำ”
คุณเอมบอกกับต่ายว่า
“มันไม่มีใครไม่มีทางประสบความสำเร็จ ทุกคนประสบความสำเร็จได้ แค่บางครั้งเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเรามีสุขภาพที่ดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีเซตความคิดที่ดีเราก็จะประสบความสำเร็จได้ — การที่เราได้คุยกับใครสักคนแล้วเขาพูดอะไรแย่ๆออกมา คนเขาก็จะเชื่อไปเลยและมันแก้ยาก เพราะฉะนั้นเอมก็เลยต้องคิดคำพูดให้ดีๆ ถ้าพูดแล้วชีวิตเขาไม่ดีขึ้นเอมก็ไม่พูด”
“บางคนเจอหมอดูที่ไม่ดีมา เอมก็จะฟังเขาก่อนแล้วก็ถามไปเรื่อยๆ จากนั้นก็แนะนำวิธีแก้ เปิดไพ่ดูโอกาสที่จะเกิดขึ้นแล้วก็ให้คำอธิบายเชิงจิตวิทยา แนะนำวิธีให้เขาได้พูดคุยกับตัวเองหรือที่เราเรียกว่า Positive Psychology “
พูดถึงสิ่งที่เรียนรู้ในการทำตรงนี้กับแผนที่มีในอนาคตกันบ้าง
“เมื่อก่อนเอมจะเป็นคนหัวร้อน ไปไหนมาไหนเขาก็จะบอกว่าคนนี้แรง แต่พอเอมได้มาทำตรงนี้เอมก็รู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลงและเข้าใจมนุษย์มากขึ้นแล้วเราก็รู้ว่าไม่มีใครที่เป็นคนไม่ดีเลย แค่เขามีบาดแผลหรือปัญหาของตัวเองและเขาก็ทำบางอย่างลงไปเพื่อความอยู่รอดต่อไป เอมรู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนที่ใหญ่ที่สุดที่เอมเคยได้รับมาเลย เอมรู้สึกว่าเอมรักมนุษย์มากขึ้นด้วยแล้วก็อยากจะไปเรียนจิตวิทยาต่อด้วยค่ะ”
“อีกอย่างก็คือปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในสังคมเรามันมีเยอะด้วย โดยเฉพาะเด็กที่เกิดช่วง 43 – 44 ที่มาดูกับเอมมากกว่า 60% เป็นโรคซึมเศร้า ทุกคนต้องมี mental health issues บางอย่าง”
คุณเอมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เราเห็นปัญหาตรงนี้เป็นเพราะว่าสมัยก่อนคนเราเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่ว่าไม่มีความรู้ตรงนี้หรือเปล่า แล้วตอนนี้มันมีสิ่งที่เราศึกษาได้ คุณเอมคิดว่าตรงนี้มันเป็นข้อดีไหม?
“เทคโนโลยีตอนนี้มันทำให้เรารู้ตัวมากขึ้นว่าเราเป็นอะไร แล้วก็จากการที่เอมศึกษามาโซเชียลมีเดียก็มีส่วนด้วย เพราะมันทำให้คนเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากขึ้นเลยทำให้คนเราเห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลง เอมคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็น Factor ใหญ่ที่ทำให้คนเกิดปัญหานี้”
“พอเราไม่โฟกัสกับตัวเอง เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเราก็จะฟุ้ง ร่างกายแบบหนึ่ง จิตแบบหนึ่ง คิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันรบกวนตัวเอง สำหรับเอมวิธีการที่จะกลับมาก็คือการที่เราพูดกับตัวเองเยอะๆ ถามตัวเองว่ารู้สึกยังไงให้มาก มองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ใช้เหตุผลในการทำความเข้าใจ บางครั้งเราอาจจะเจอความรู้สึกที่ไม่ชอบ เช่น รู้สึกว่าตัวเราอิจฉาหรือโกรธ เราก็ต้องมาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อะไรที่ไม่ดีก็ทำความเข้าใจและใช้เหตุผลกับมัน”
คุยเรื่องแนวคิดกันมาสักพัก เราก็กลับมาคุยกันเรื่องดูดวงกันต่อฮะ คือต่ายทราบมาว่าคุณเอมเนี่ยเคยดูดวงให้เมืองเชียงใหม่ของเราด้วย พอมาเจอคุณเอมก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยเรื่องนี้กันสักหน่อย

“ตอนนั้นเอมก็มีโอกาสได้ไปดูดวงเมืองเชียงใหม่ คือดูดวงจากวันที่ตั้งเมือง แล้วก็ขึ้นมาประมาณว่ามันมีอะไรคานกันหลายอย่างเลยถ้าจะทำให้เมืองเชียงใหม่รุ่งนะคะ ก็มีเรื่องการเมืองขาหนึ่ง อีกขาก็จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีเลยเป็นเหตุผลให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดีย กับอีกเรื่องคือการศึกษาและการเดินทาง มันเป็นสิ่งที่คานให้เชียงใหม่อยู่ได้”
“แล้วก็เชียงใหม่จะมีดาวที่อยู่ในราศีมีนพอสมควร ทำให้ร้านเหล้าอะไรในเชียงใหม่เป็นที่นิยม แล้วก็ช่วงนี้ที่คนอยู่บ้านเยอะเพราะดาวอังคารเข้าราศีกรกฎ อีกสักเดือนหรือสองเดือนก็จะเป็นปกติแล้ว — แล้วก็ตั้งแต่กลางเดือนนี้ถึงกลางเดือนหน้า ธีมมันจะเป็นยังไงปีหน้าก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นช่วงดวงปีหน้าเลยจริงๆปีหน้าก็จะเป็นช่วงที่เราได้ปลาสเตอร์มาปิดแผลแล้วก็จะเป็นช่วงฟื้นฟูกัน”
ต่อมาต่ายก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องลูกดวงที่เข้ามาดูดวงทางออนไลน์และตัวต่อตัวว่ามันต่างกันยังไง ในมุมมองของคนดู
“ถ้าในมุมของเอม ลูกดวง 90% ที่มาเจอตัวต่อตัวจะเป็นลูกค้าผู้ชาย เพราะว่าผู้ชายจะชอบดูดวงตัวต่อตัวมากกว่า พอเจอตัวต่อตัว เอมก็จะอ่าน Body Language ได้แล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากล้าพูดกับเรามากกว่าออนไลน์ ส่วนลูกดวงที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะชอบดูแบบออนไลน์มากกว่า และเอมก็ชอบดูออนไลน์เพราะว่าเอมจะเป็นลักษณะ give positive energy ถ้าอยู่ต่อหน้ากันมันอาจจะเขินๆ ทำให้เวลาที่เราคุยออนไลน์เราจะถ่ายทอดได้ดีกว่า อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของเอมนะคะ แต่ถ้าถามเรื่องความแม่นก็มีค่าเท่ากัน”
หลังจากนั้นต่ายก็อยากให้คุณเอมเล่าถึงเรื่องคนที่เป็นหมอดูที่ชอบทายเรื่องทั่วๆไป ว่าที่หมอดูเขาพูดอย่างนั้นมันคืออะไรและเป็นการหลอกกันใช่ไหม
“อันนั้นเขาเรียกว่า Barnum Effect ค่ะ ก็คือการที่เขาจะกวาดตัวเราเข้าไปในช่วงนั้นๆ เช่น การที่เขาบอกว่า คนที่เกิดวันที่ 20 – 30 เป็นคนที่เชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มากๆเลยนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องจิตสัมผัสก็จะสามารถรับรู้ได้เหมือนกัน พอเราพูดแบบนี้ คนที่ฟังที่เกิดช่วงนี้ก็จะเอาตัวเองเข้าไปในเรื่องนี้ละ แล้วเราก็จะคิดไปว่า เขาหมายถึงเราแล้วเราก็จะรวมไปเลยว่าหมายถึงเรา ซึ่งเอมจะไม่ทำในลักษณะนี้เลยนะ ถ้าเอมดูเอมจะไม่ดูลักษณะนิสัยหรือะไรที่กว้างๆ เอมจะดูการทำนายอนาคตและก็เป็นไกด์ไลน์ไปด้วย เพราะเอมก็เป็นคนที่เรียนบริหารธุรกิจมา เพราะฉะนั้นเอมเลยเอาความรู้ที่เรียนมาประยุกต์กับโหราศาสตร์ ซึ่งโหราศาสตร์มันสามารถบอกได้ว่าถ้าเราอยากได้เงินเราจะทำยังไงได้บ้าง เอมก็จะเป็นแนวนั้นมากกว่าจะไปพูดเรื่องทั่วไปกว้างๆ”
คำว่าหมอดู สำหรับหลายๆคนให้ความรู้สึก “งมงาย” หรือ “จับต้องได้ยาก” แอบแฝงอยู่ แต่สำหรับ Your Beloved Witch นั้นแตกต่างออกไป คำว่า “หมอดู” สำหรับคุณเอมเป็นแค่คำหนึ่งที่ทำให้คนเขาเข้าใจง่ายขึ้น เข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น และเป็นเพียงส่วนประกอบบางส่วนของสิ่งที่คุณเอมทำเพียงเท่านั้น
อนาคต 5 ปีต่อไปคุณเอมจะไปเรียนต่อด้านจิตวิทยาการให้คำปรึกษา และมองเห็นภาพตัวเองเป็นคนช่วย Healing และอยากจะสร้างศูนย์ฟื้นฟูให้คนมาทำกิจกรรมฟื้นฟูจิตใจและจิตวิญญาณร่วมกัน ซึ่งในขณะนี้ความฝันนี้เป็นความฝันสูงสุดของคุณเอมเลยก็ว่าได้
และนี่คือเรื่องราวของคุณเอมที่ต่ายหยิบยกขึ้นมาบอกเล่าให้ทุกคนได้อ่านครับ สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ก็คือ โหราศาสตร์หรือศาสตร์ต่างๆนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพยายามตอบคำถามในชีวิต ในส่วนที่เราไม่รู้ เพราะมนุษย์นั้นกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ในวันนี้อย่างที่คุณเอมบอกว่า ถ้าเรามีสภาพแวดล้อมที่ดี มี mindset ที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมืออย่างไพ่ทาโรต์นี้เป็นเพียงการปรับจูนเล็กๆน้อยๆ สร้างความมั่นใจให้กับคนที่มาถามซะมากกว่า
สำหรับใครที่อยากจะติดต่อคุณเอมก็สามารถติดต่อตามช่องทางด้านล่างได้เลย
ช่องทางการติดต่อ
Facebook Fanpage : Your Beloved Witch
Instagram: @yourbelovedwitch
Twitter: @urbelovedwitch
Line Official : https://linktr.ee/urbelovedwitch